วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ข้อสอบ Dos

1. cd.. ในคำสั่ง dos หมายถึงอะไร
ตอบ การถอยออกจากทีละ folder

2. cd\ในคำสั่ง dos หมายถึงอะไร
ตอบ การถอยออกมาต้นทาง

3. * ในคำสั่ง dos ชื่ออะไร
ตอบ star

4. cls ในคำสั่ง dos คืออะไร
ตอบ เคลียร์หน้าจอ

5. del *.* คืออะไร
ตอบ การลบไฟล์ทุกชนิด

วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2551

HTML

ภาษา HTML (HyperText Markup Language)

เป็นภาษาหลักที่ใช้ในการสร้างเวบเพจ (Web Page) เป็นภาษาประเภท Markup Language
เกิดขึ้นจากการพัฒนาระบบ World Wide Web ในเดือนมีนาคม 1989 โดยนักวิจัยจากสถาบัน CERN (Conseil European Pour La Recherche Nucleaire) ซึ่งเป็นห้องทดลองในเมืองเจนีวา
ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ชื่อ ทิม เบอร์เนอร์ - ลี (Tim Berners - Lee) ซึ่ง ทิม เบอร์เนอร์ - ลี
ได้นำแนวความคิดในเรื่อง Hypertext ของ Vannevar Bush และ Ted Nelson
มาใช้เพื่อกระจายข้อมูลในองค์กร ต่อมามีการพัฒนาและกำหนดมาตรฐาน
โดยองค์กรที่ชื่อว่า W3C (World Wide Web Consortium)
ภาษา HTML เป็นภาษาที่มีลักษณะของข้อมูลที่เป็นตัวอักษร

ในมาตรฐานของรหัสแอสกี (ASCII Code) โดยเขียนอยู่ในรูปของเอกสารข้อความ
(Text Document) จึงกำหนดรูปแบบและโครงสร้างได้ง่าย ภาษา HTML ได้ถูกพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ HTML Level 1 (รุ่นดั้งเดิม), HTML 2.0, HTML 3.0, HTML 3.2 และ HTML 4.0 ซึ่งเป็นรุ่นที่นิยมเขียนกันในปัจจุบัน (ขณะนี้ W3C ได้พัฒนา HTML 4.01 ออกมาแล้ว เพื่อลองรับมาตรฐานภาษา XML) จึงทำให้ภาษา HTML ในปัจจุบันสามารถแสดงภาพทางกราฟฟิก
และระบบเสียงได้ เพื่อตอบสนองในการทำงานในปัจจุบัน
ภาษา HTML สามารถสร้างขึ้นได้จากโปรแกรมสร้างไฟล์ข้อความ (Text Editor)

ทั่ว ๆ ไป เช่น Notepad หรือ Word Processing ได้ อีกทั้งง่ายต่อการเรียนรู้เพราะภาษา HTML
ไม่มีโครงสร้างความเป็น Programming เลยแม้แต่น้อย
และไฟล์ที่ได้จากการสร้างเอกสาร HTML ยังมีขนาดเล็กอีกด้วย
นามสกุลของไฟล์ HTML จะเป็นไฟล์นามสกุล .htm หรือ .html

ซึ่งใช้ในทั้งระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ (UNIX) และระบบปฏิบัติการ Windows
และเรียกใช้งานได้จากเว็บบราวเซอร์ (Web Browser)
เช่น Internet Explorer หรือ NetScape
TagTag เป็นลักษณะเฉพาะของภาษา HTML ใช้ในการระบุรูปแบบคำสั่ง

หรือการลงรหัสคำสั่ง HTML ภายในเครื่องหมาย less-than bracket ( < )
และ greater-than bracket ( > ) โดยที่ Tag HTML แบ่งได้ 2 ลักษณะ
คือTag เดี่ยวเป็น Tag ที่ไม่ต้องมีการปิดรหัส เช่น
เป็นต้น

Tag เปิด/ปิดเป็น Tag ที่ประกอบด้วย Tag เปิด และ Tag ปิด โดย Tag ปิด
จะมีเครื่องหมาย slash ( / ) นำหน้าคำสั่งใน Tag นั้นๆ
เช่น , เป็นต้น
AttributesAttributes เป็นส่วนขยายความสามารถของ Tag

จะต้องใส่ภายในเครื่องหมาย < > ในส่วน Tag เปิดเท่านั้น Tag คำสั่ง HTML
แต่ละคำสั่ง จะมี Attribute แตกต่างกันไป และมีจำนวนไม่เท่ากัน การระบุ
Attribute มากกว่า 1 Attribute
ให้ใช้ช่องว่างเป็นตัวคั่น
เช่น Attributes ของ Tag เกี่ยวกับการจัดพารากราฟ

คือ

ประกอบด้วย ALIGN=" Left / Right / Center / Justify "

ข้อสอบปรนัย 15ข้อ เรื่อง HTML

1.ภาษา HTMLเป็นภาษาประเภทใด
ก.Markup Lanuage
ข.Mark 1
ค.Toblo colk
ง.Bilyni
2.นามสกุลของ HTMLคือ
ก. .html
ข. co.th
ค. ac.th
ง. com
3. รุ่นดั้งเดิมของHTML คือ
ก. HTML LEVE 1
ข. HTML 2.0
ค. HTML 3.0
ง. HTML 4.0
4.HTMLรุ่นที่นิยมเขียนในปัจจุบันคือ
ก. HTML 1
ข. HTML 2.0
ค. HTML 3.0
ง. ผิดข้อ ก ข้อเดียว
5.ภาษาHTML สร้างได้จาก
ก.ไฟล์รูปภาพ
ข.ไฟล์เสียง
ค.ไฟล์ข้อูล
ง.ไฟล์ข้อความ
6. ระบบปฏิบัติการ Windowsเรียนใช้งานได้จาก
ก. Ascll Code
ข. Word Processing
ค. Web Browser
ง. Text Editor
7.ภาษา HTMLเป็นภาษาในการสร้างอะไร
ก. Web Page
ข. Home Page
ค. Internet
ง. Text Editor
8.ภาษา Markup Language เกิดขั้นจากการพัฒนาระบบ Woeld Wid Web เกิดขึ้นในช่วงเดือนใดปี คศ ใด
ก. มกราคม 1989
ข. มกราคม 1999
ค. มีนาคม 1989
ง. มีนาคม 1999
9.นักวิจัยคนใดที่ได้นำแนวคิดเรื่อง Hypertextมาเพื่อกระจายข้อมูลในองค์กร
ก. Tim Berners-Lee
ข. Lumtian Paoart
ค. Wilai Jantip
ง. Jonh son
10.Tagเป็นลักษณะเฉพาะของภาษาHTMLใช้ในการระบุรูปแบบใด
ก. รูปแบบข้อมูล
ข. รูปแบบประมวล
ค.รูปแบบคำสั่ง
ง. รูปแบบปฏิบัติการ
11.Tagประกอบด้วยTag เปิดแลTag ปิดจะมีเครื่องหมายใดนำหน้าคำสั่ง
ก. *
ข. /
ค. -
ง.+
12. Atrtibutes คืออะไร
ก. ส่วนขยาย
ข. ส่วยย่อ
ค. ส่วนเปิด
ง. ส่วนปิด
13.Attributes เป็นส่วนขยายความสามารถของอะไร
ก. Tag
ข. Tex
ค. Eet
ง. Bta
14.Attributes ของTag จะใส่เครื่องหมายใด
ก. <>
ข. //
ค.( )
ง.--
15.Attributes ของ Tagใช้งานเกี่ยวกับอะไร
ก. กราฟ
ข.พารากราฟ
ค. แผนภูมิ
ง. ทศนิยม
เฉลย 1.ก 2.ก 3.ก 4.ง 5.ง 6.ค 7.ก 8.ค 9.ก
10.ค11.ข 12.ก 13.ก 14.ก 15.ข

วันพุธที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

Microsoft Excel

ความหมายของ Microsoft Excel
โปรแกรม Microsoft Excel เป็นโปรแกรมประเภท Spreadsheet ซึ่งออกแบบมาสำหรับการบันทึก วิเคราะห์ และนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับตัวเลข ที่ถูกพัฒนาขึ้นมา โดยบริษัท Microsoft ทำงานบน Windows มีผู้นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย สามารถที่จะทำงานได้หลายอย่าง เช่น งานด้านการคำนวณ การสร้างกราฟ แผนภูมิรูปภาพ และด้านฐานข้อมูล เป็นต้น


การเข้าสู่โปรแกรม Microsoft Excel
1. คลิกเลือกที่ปุ่ม Start ---> Programs ---> Microsoft Excel (ตำแหน่งที่ตั้ง)
2. จะปรากฏหน้าการทำงานของโปรแกรม Microsoft Excel


ส่วนประกอบต่าง ๆ ของหน้าจอโปรแกรม Microsoft Excel
1. เมื่อเปิดโปรแกรมมาแล้ว จะเห็นว่าหน้าจอจะตีตารางเป็นช่อง ๆ เราเรียกว่า กระดาษทำการ Work Sheet 2. ด้านบนที่เห็นเป็นตัวอักษร A , B , C , D , E , …….. เป็นการแบ่งแนวตั้งเราเรียกว่า คอลัมน์ Column
3. ด้านซ้ายที่เห็นเป็นตัวเลข 1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6 , ………… เป็นการแบ่งแนวนอนเราเรียกว่า แถว Row
4. จุดตัดระหว่าง คอลัมน์ กับ แถว เราเรียกว่า เซลล์ Cell
5. ที่ Cell A1 จะมีกรอบสีดำเข้ม สามารถเลื่อนไปยัง Cell ต่าง ๆ ได้ เราเรียกว่า ตัวชี้ตำแหน่งเซลล์ ปัจจุบันที่ใช้งานอยู่ Cell Pointer


การเลื่อน Cell Pointer
1. ใช้เม้าส์คลิ๊กที่ เซลล์ ที่เราต้องการเลื่อน
2. ใช้ลูกศร สี่ทิศ ที่แป้นพิมพ์ในการเลื่อน
3. ใช้ปุ่ม Ctrl + Home เพื่อเลื่อนกลับมาที่ เซลล์ A1
4. ใช้ปุ่ม Ctrl + ลูกศร ขวา เพื่อเลื่อนมา คอลัมน์ ขวาสุด
5. ใช้ปุ่ม Ctrl + ลูกศร ลง เพื่อเลื่อนลงมาบรรทัดสุดท้าย
6. ใช้ปุ่ม Page Up หรือ Page Down เพื่อ เลื่อน ขึ้น หรือ ลง ทีละ 1 หน้าจอภาพ

การพิมพ์ข้อมูลลงใน Cell
1. เลื่อนเซลล์ ไปยังเซลล์ ที่ต้องการจะป้อนข้อมูล
2. พิมพ์ข้อมูลที่ต้องการ
3. กดปุ่ม Enter หรือ ใช้ลูกศร ที่แป้นพิมพ์เพื่อ เลื่อนไปทางขวา หรือ ขึ้น ลง ได้

การลบข้อมูลในเซลล์
1. เลื่อนเซลล์ ไปยังเซลล์ ที่ต้องการจะลบ
2. กดปุ่ม Delete ที่แป้นพิมพ์


การแก้ไขข้อมูล
1.เลื่อนเซลล์ ไปยังเซลล์ ที่ต้องการจะแก้ไขข้อมูล
2.กดปุ่ม F2 ที่แป้นพิมพ์
3.ทำการแก้ไขข้อมูล (สามารถใช้ลูกศร ซ้าย – ขวา ที่แป้นพิมพ์ในการเลื่อนเคอร์เซอร์ได้)
4.เสร็จการแก้ไขข้อมูล โดยการกดปุ่ม Enter

การย้ายข้อมูล (Move)
1.เลื่อนเซลล์ไปยังเซลล์ที่จะย้ายข้อมูล
2.นำเม้าส์มาแตะที่ขอบของ Cell Pointer เม้าส์จะเปลี่ยนจากรูป บวก ที่เป็นกาชาด มาเป็นลูกศร
3.กดปุ่มซ้ายของเม้าส์ ค้างไว้ เลื่อน เซลล์ได้เลย

การคัดลอกข้อมูล (Copy)
1.เลื่อนเซลล์ไปยังเซลล์ที่จะคัดลอกข้อมูล
2.นำเม้าส์มาแตะที่จุดสี่เหลี่ยมสีดำตรงมุมขวาล่างของ Cell Pointer เม้าส์จะเปลี่ยนเป็นเครื่องหมายบวกสีดำ
3.กดปุ่มซ้ายของเม้าส์ค้างไว้ แล้วเลื่อนไปยังเซลล์ที่จะคัดลอกไปได้เลย

การปรับความกว้างของคอลัมน์
1.เลื่อนเม้าส์ไปชี้ที่เส้นแบ่งระหว่างคอลัมน์ (เม้าส์จะเปลี่ยนเป็นรูปลูกศรสีดำ ซ้าย – ขวา)
2.กดเม้าส์ค้างไว้ แล้วลากเม้าส์เพื่อปรับความกว้าง หรือจะดับเบิ้ลคลิ๊ก เพื่อให้เครื่องปรับความกว้างอัตโนมัติ

การเขียนสูตรเพื่อทำการคำนวณในเอ็กเซล
1.คลิ๊กที่เซลล์ที่ต้องการจะคำนวณ
2.กดเครื่องหมาย เท่ากับ = เพื่อให้เอ็กเซลทราบว่า ช่องนี้ต้องการทำการคำนวณ
3.พิมพ์สูตรที่ต้องการคำนวณลงไป เช่น พิมพ์ว่า =D3*3% (D3 คือ เซลล์ที่เก็บตัวเลขที่เราจะดึงมาทำการคำนวณ)
4. เมื่อพิมพ์สูตรเสร็จแล้ว ให้กดปุ่ม Enter เครื่องจะทำการคำนวณคำตอบให้

การคัดลอกสูตร (Copy สูตร)
1.เลื่อนเซลล์ ไปยังเซลล์ที่จะคัดลอกสูตร
2.เลื่อนเม้าส์มาชี้ที่จุดสี่เหลี่ยมสีดำ ด้านล่างขวาของกรอบสีดำ เม้าส์จะเปลี่ยนเป็นเครื่องหมาย บวก สีดำ
3.กดปุ่ม ซ้าย ของเม้าส์ ค้างไว้ แล้วเลื่อนเม้าส์ลงมาเรื่อยจนครบทุกช่องที่จะก๊อปปี้
4.เมื่อปล่อยเม้าส์ เครื่องก็จะทำการคำนวณทุกช่องให้เอง

การคำนวณหายอดรวม
1.เลื่อนเซลล์ ไปยังเซลล์ที่ต้องการจะหายอดรวม
2.ด้านบน คลิ๊กที่ปุ่ม ซิกม่า (เป็นรูปตัว S )
3.จากนั้นที่เซลล์ จะมีคำสั่งให้ว่า =SUM(ตามด้วยกลุ่มเซลล์)
4.กดปุ่ม Enter เครื่องจะคำนวณหาคำตอบให้

การผสานเซลล์ให้เป็นช่องเดียวกัน
จะใช้ในกรณีที่ต้องการให้ข้อความจัดกลางระหว่างคอลัมน์ หลาย ๆ คอลัมน์ เช่น ต้องการให้ชื่อบริษัท ในบรรทัดแรกอยู่ตรงกลางระหว่าง คอลัมน์ A ถึงคอลัมน์ Fวิธีการคือ
1.นำเม้าส์ไปวางที่เซลล์ A1 จากนั้นกดเม้าส์ค้างไว้ ลากมาทางขวาจนถึงคอลัมน์ F1
2.ด้านบน คลิ๊กที่ปุ่ม a เล็ก (ถ้าเลื่อนเม้าส์ไปวางไว้ จะมีคำว่า ผสานและจัดกึ่งกลาง)
3.เครื่องจะทำการผสานเซลล์ แล้วนำข้อความมาจัดกลางให้

การให้เครื่องใส่หมายเลขลำดับที่ต่อเนื่องกันไป เช่น ต้องการให้ลำดับที่เป็น 1 , 2 , 3 , 4 , ไปเรื่อย ๆ
1.คลิ๊กที่เซลล์ที่ต้องการจะเริ่มเลข 1
2.ใส่เครื่องหมายฟันเดียว ‘ ตรงแป้นพิมพ์อักษร ง ไม่ต้องยกแคร่ พิมพ์เลข 1 แล้วกด Enter
3.เลข 1 จะชิดด้านซ้าย เลื่อนเซลล์กลับมาที่เลข 1 ทำการก๊อปปี้ (เลื่อนเม้าส์ ชี้ ตรงจุดสี่เหลี่ยมสีดำตรงมุมล่างขวา เม้าส์จะเปลี่ยนรูปเป็นเครื่องหมาย บวก สีดำ กดเม้าส์ค้างไว้ แล้วลากเม้าส์ลงมาตามต้องการ พอปล่อยเม้าส์ เครื่องจะใส่ตัวเลขเรียงลำดับให้เอง)

การตีตาราง
1.ลากเม้าส์คลุมเซลล์ที่เราต้องการจะตีตาราง
2.ด้านบนที่แถบเครื่องมือบรรทัดที่สอง (แถบจัดรูปแบบ) นับจากด้านหลังปุ่มที่ 3 จะเป็นปุ่มเส้นขอบ ให้คลิ๊กที่ปุ่มสามเหลี่ยมเล็ก ๆ หลังปุ่มเส้นขอบ
3.เครื่องจะมีเส้นขอบให้เลือก ให้เลือกปุ่มที่อยู่ในบรรทัดที่ 3 ปุ่มที่ 2 เครื่องจะมีคำว่า เส้นขอบทั้งหมด
4.เครื่องจะตีตารางให้ คลิ๊กเม้าส์ที่เซลล์ไหนก็ได้ เพื่อยกเลิกแถบที่เราลากไว้

การ Save ข้อมูล จะแบ่งเป็น 2 กรณี
ถ้าเป็นการ Save ครั้งแรก หมายถึง เพิ่งพิมพ์งานใหม่
1.คลิ๊ก เมนู แฟ้ม
2.ลงมาคลิ๊กที่คำสั่ง บันทึกเป็น (Save As)
3.จะขึ้นหน้าต่าง Save As จากนั้นในช่องชื่อแฟ้ม เครื่องจะนำเอาบรรทัดแรกที่เราพิมพ์ มาเป็นชื่อแฟ้ม แต่ถ้าเราไม่เอาชื่อแฟ้มนั้นก็ ลบทิ้ง พิมพ์ชื่อแฟ้มที่ต้องการลงไปแล้ว คลิ๊กปุ่ม บันทึก
ถ้าเป็นการ Save งานเดิม หมายถึง เรียกขึ้นมาเพื่อแก้ไข แล้วจะ Save ที่เราแก้ไข
1.คลิ๊ก เมนู แฟ้ม
2.ลงมาคลิ๊กที่คำสั่ง บันทึก (Save)
3.ตรงนี้เครื่องจะไม่ขึ้นหน้าต่าง ใด ๆ เลย เครื่องจะทำการ Save ลงที่แฟ้มเดิมที่เราเรียกใช้อยู่ เพราะเครื่องทราบว่าจะ Save ที่แฟ้มใดอยู่แล้ว

วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

สูตร Excel

สูตร Excel
1 .หาผลรวม =SUM(C6:C11) แปลงตัวเลขเป็นตัวอักษร=BAHTTEXT(C12)
2. หาผลรวม=SUM(C6:C11) หาค่าสูงสุด=MAX(C6:C11)
หาค่าสูงอันดับ2=LARGE(C6:C11,2) อันดับต่อไปก็เปลี่ยนเลข2เป็นเลขอันดับที่ต้องการ
หาค่ารองบ๋วย=SMALL(C6:C11,2) ค่าตำสุด =MIN(C6:C11)
3 .หาค่าเฉลี่ย =AVERAGE(C6:C11)
แสดงข้อความซ้ำๆ=REPT("a",C5) สมมุติให้ a เป็นขอ้ความให้แสดงซ้ำ และในช่องถัดไปให้ทำการลากเมาส์หรือกีอบปี้ลงมา
4. หาช่วงเว้นวรรค =FIND(" ",B4,1) และสมารถลากลงล่างเพื่อหาค่าในลำดับต่อไปได้เลย
แสดงชื่อ =LEFT(B4,9) เลข9 อ้างอิงจากผลการหาช่วงเว้นวรรคแล้วลบ1 และในอันดับต่อไปก็เอาผลช่วงเว้นวรรคลบด้วย1 แล้วใส่ลงไปแทนเลข 9
นับจำนวนตัวอักษร =LEN(B4)
แสดงนามสกุล =RIGHT(B4,11) หรือแสดงอักษรทางด้านขวาหรือต่อจากช่วงเว้นวรรค
5. สูตร if =if( "เงื่อนไข" , "สิ่งที่กระทำเมื่อเงื่อนไขเป็นจริง" , "สิ่งที่กระทำเมื่อเงื่อนไขเป็นเท็จ" )

วันพุธที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ข้อสอบปรนัย 40 ข้อ เรื่องคอมพิวเตอร์เบื้องต้น

1. ข้อใดคือความหมายของคอมพิวตอร์
ก. เครื่องคำนวณอัตโนมัติ
ข. เครื่องใช้สำนักงานอัตโนมัติรุ่นใหม่
ค. อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์อย่างหนึ่ง
ง. เป็นแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์อย่างหนึ่ง

2. คอมพิวเตอร์ได้เข้ามามีบทบาทที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราอย่างไร?

ก. การถอนเงินจากเครื่อง atm
ข. การจับจ่ายซื้อของในห้างสรรพสินค้าโดยใช้บัตรเครดิต
ค. การสำรองที่นั่งเครื่องบินสื่อสาร’
ง. ถูกทุกข้อ


3. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะที่สำคัญของคอมพิวเตอร์?
ก. มีความเร็วสูงในการประมวลผล
ข. มีความถูกต้องเชื่อถือได้
ค. เป็นระบบอนาลอก
ง. ทำงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์และอัตโนมัติ

4. เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ทำงานด้วยระบบใด?
ก. Digital
ข. Analog
ค. Calculate
ง. Numerical

5. ข้อจำกัดของคอมพิวเตอร์คือข้อใด?
ก. เครื่องมีราคาแพงมาก
ข. ขาดแคลนบุคลากรทางคอมพิวเตอร์
ค. การทำงานขึ้นอยู่กัมนุษย์
ง. ถูกทุกข้อ

6. ก่อนที่หน่วยงานจะเลือกนำคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้งาน หน่วยงานนั้นๆ จะต้องดำเนินงานในเรื่องใดก่อน?ก. จัดหาบุคลากรคอมพิวเตอร์
ข. วางระบบงาน
ค. จัดซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์
ง. ถูกทุกข้อ

7. สิ่งใดที่ไม่มีในเครื่องคอมพิวเตอร์?
ก. ความคิด
ข. ความจำ
ค. การควบคุมตนเอง
ง. การเปรียบเทียบเชิงตรรกะ

8. ข้อใดคือข้อดีของคอมพิวเตอร์?
ก. มีความเร็วสูง
ข. มีความเชื่อถือได้
ค. มีความถูกต้องแม่นยำ
ง. ถูกทุกข้อ

9. ในโรงงานอุตสาหกรรมนำคอมพิวเตอร์มาใช้งานด้านใด?
ก. ควบคุมการผลิต
ข. การใช้หุ่นยนต์ในการทำงานที่เสี่ยงอันตราย
ค. การวางแผนการผลิต
ง. ถูกทุกข้อ

10.ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าปลีกนำเครื่องคอมพิวเตอร์มาใช้ในการบริการลูกค้าในเรื่องใด?
ก. บริการ ATM
ข. บริการด้านบัตรเครดิต
ค. บริการ ณ จุดขาย
ง. บริการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า

11. บริษัทที่มีบทบาทอย่างมากในการผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นแรกคือบริษัทใด
ก. IBM
ข. COMPAQ
ค. MICROSOFT
ง. DIGTAL

12.ข้อใดเป็นประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ในทางธุรกิจ
ก.การฝาก-ถอนเงินผ่านตู้ ATM
ข. การจองตั๋วเครื่องบิน
ค. การเก็บภาษีกรมสรรพากร
ง. การนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการสอน

13. Lap Top เป็นขนาดของคอมพิวเตอร์ชนิดใด
ก. ขนาดตั้งโต๊ะ
ข. ขนาดสมุดโน๊ต
ค. ขนาดวางตัก
ง. ขนาดฝ่ามือ

14. Note Book เป็นขนาดของคอมพิวเตอร์ชนิดใด
ก. ขนาดตั้งโต๊ะ
ข. ขนาดสมุดโน๊ต
ค. ขนาดวางตัก
ง. ขนาดฝ่ามือ

15. Palm Top เป็นขนาดของคอมพิวเตอร์ชนิดใด
ก. ขนาดตั้งโต๊ะ
ข. ขนาดสมุดโน๊ต
ค. ขนาดวางตัก
ง. ขนาดฝ่ามือ

16. ถ้าต้องการพิมพ์เอกสารในระบบ WINDOWS จะต้องคลิกที่ START MENU ใด
ก. MY DOCUMENT
ข .MY COMPUTER
ค. PROGARM
ง. CONTROL PANEL

17.โดยปกติเอกสารจะจัดในลักษณะใดเป็นหลัก
ก. ชิดซ้าย
ข. ชิดจวา
ค. กึ่งกลาง
ง. ชิดขอบ

18.ข้อใดไม่อยู่ในการเพิ่มเติมลักษณะพิเศษ
ก. ชุดรูปแบบ
ข. พื้นผิว
ค. ลวดลาย
ง. รูปภาพ

19.ในการใช้งานคอมพิวเตอร์นั้นอาจเกิดอุบัติเหตุได้ทุกเมื่อเช่นลบแฟ้มข้อมูลผิดหารเราต้องการกลับคืนจะใช้คำสั่งใด
ก. ใช้คำสั่ง RE RAN
ข. ใช้คำสั่ง UNDO
ค. ใช้คำสั่ง RESTORE ใน RECYCLE BIN
ง. ใช้คำสั่ง COME BACK

20.ส่วนใดของคอมพิวเตอร์ทำหน้าที่ป้อนข้อมูล
ก. Printer
ข.Monitor
ค.Mainboard
ง.Keyboard

21.ข้อใดเป็นบริการที่เราสามารถใช้ได้บนอินเตอร์เน็ต
ก. อ่านข่าวสาร ความรู้และบันเทิง
ข. รับส่งข้อความและสั่งซื้อสินค้า
ค. ดูหนังฟังเพลงและเล่นเกม
ง. สามารถใช้บริการได้ทุกข้อ

22.ชุดคำสั่งในระบบคอมพิวเตอร์เรียกว่าอะไร
ก. Computare
ข. Electronic
ค. lnstruction
ง. Program

23.โปรแกรมที่ใช้ในการวาดรูปภาพ แก้ไชรูปภาพ และตกแต่งภาพให้สวยงามได้คือข้อใด
ก. โปรแกรม Dos
ข. โปรแกรม Paint
ค. โปรแกรม Note Pad
ง. โปรแกรม Scandisk

24.Recy Bin ทำหน้าที่อะไร
ก. กู้ไฟล์ข้อมูล
ข. ซ่อมแซมไฟล์
ค. จัดเรียงไฟล์
ง. เป็นโฟลเดอร์สำหรับเก็บไฟล์ที่ถูกทิ้ง

25.ใช้คำสั่งที่แถบเมนู(Menu Bar)ในการเปิดแฟ้มข้อมูลเก่ามาใช้ตรงกับข้อใด
ก. คลิกเมาส์ที่เมนูเปิด (Open) เลือกแฟ้ม(File)
ข. คลิกเมาส์ที่เมนูแฟ้ม (File) เลือกเปิด(Open)
ค. คลิกเมาส์ที่เมนูแก้ไข (Edit) เลือกเปิด(Open)
ง. คลิกเมาส์ที่เมนุรูปแบบ (Format) เลือกปิด(Open)

26.หารต้องการเข้าไปที่ http://www.google.com%20ต้องพิมพ์ชื่อเว็บเพจที่ช่องใด/
ก. E-Mail
ข. Search Web
ค. Password
ง. Address

27.การตั้งค่าหน้าแรกในการเปิดเว็บไซต์เรียกว่าอะไร
ก. First Site
ข. History
ค. Home
ง. Refrest

28. ข้อมูล 8 บิตมีกี่ไบต์
ก. 1 ไบต์
ข. 2 ไบต์
ค. 3 ไบต์
ง. 4 ไบต์

29.ข้อมูล 32บิตมีกี่ไบต์
ก. 2 ไบต์
ข. 3 ไบต์
ค. 4 ไบต์
ง. 5 ไบต์

30.หน่วยของข้อมูลที่มีขนาดเล็กที่สุดคือข้อใด
ก. Bit
ข. Byte
ค. Charater
ง. Database

31.หน่วยของข้อมูลที่เกิดจากการนำบิตมารวมกันคือข้อใด
ก. Field
ข. File
ค. Byte
ง. Record

32.ชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่ใช้สั่งงานให้คอมพิวเตอร์ทำงาน เรียกว่าอะไร
ก. ซอฟต์แวร์
ข. ฮาร์ดแวร์
ค. พีเพิลแวร์
ง.ร ะเบียบวิธปฏิบัติ

33.องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์มีอะไรบ้าง
ก. ฮาร์ดแวร์ (Hard ware)
ข. ซอฟต์แวร์ (Soft ware)
ค. บุคลากร(people ware) และข้อมูล (Data)
ง. ถูกทุกข้อ

34. ฮาร์ดแวร์หมายถึงอะไร
ก. หมายถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ มีลักษณะเป็นโครงร่างสามารถมองเห็นด้วยตาและสัมผัสได (รูปธรรม) เช่น จอภาพ คีย์บอร์ด เครื่องพิมพ์ เมาส์
ข .หมายถึง ส่วนที่มนุษย์สัมผัสไม่ได้โดยตรง (นามธรรม) เป็นโปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อสั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงาน
ค. หมายถึง บุคลากรในงานด้านคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ สามารถใช้งาน สั่งงานเพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ต้องการ
ง. ข้อมูลเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่งในระบบคอมพิวเตอร์

35.ซอฟต์แวร์หมายถึงอะไร
ก. อุปกรณ์ต่างๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ มีลักษณะเป็นโครงร่างสามารถมองเห็นด้วยตาและสัมผัสได้ (รูปธรรม) เช่น จอภาพ คีย์บอร์ด เครื่องพิมพ์ เมาส์
ข. หมายถึง ส่วนที่มนุษย์สัมผัสไม่ได้โดยตรง (นามธรรม) เป็นโปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อสั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงาน
ค. หมายถึง บุคลากรในงานด้านคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ สามารถใช้งาน สั่งงานเพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ต้องการ
ง. ข้อมูลเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่งในระบบคอมพิวเตอร์

36.ข้อใด เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลเบื้องต้น
ก. จอภาพ
ข. คีย์บอร์ด
ค. เครื่องพิมพ์
ง. เคส

37.ซอฟต์แวร์แบ่งได้เป็น 2ประเภทอะไร
ก. ซอฟต์แวร์ระบบ
ข. ซอฟต์แวร์ประยุกต์
ค. ข้อ ก และ ข ถูก
ง. ผิดทุกข้อ

38.ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software)หมายถึงอะไร
ก. คือ ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมที่มำให้คอมพิวเตอร์ทำงานต่างๆ ตามที่ผู้ใช้ต้องการ
ข. คือ โปรแกรมซึ่งเขียนขึ้นเพื่อการทำงานเฉพาะอย่างที่เราต้องการ
ค. คือเป็นโปรแกรมประยุกต์ที่มีผู้จัดทำไว้ เพื่อใช้ในการทำงานประเภทต่างๆ
ง. คือ ชุดของคำสั่งที่เขียนไว้เป็นคำสั่งสำเร็จรูป ซึ่งจะทำงานใกล้ชิดกับคอมพิวเตอร์มากที่สุด

39.คอมพิวเตอร์ยุคใด ใช้วงจรไอซี (Integrated Circuit) เป็นหลัก
ก. คอมพิวเตอร์ยุคแรก
ข. คอมพิวเตอร์ยุคที่ 2
ค. คอมพิวเตอร์ยุคที่ 3์
ง. คอมพิวเตอร์ยุคในยุคปัจจุบัน

40.คอมพิวเตอร์มีบทบาทกับการศึกษาอย่างไร
ก. นำมาประยุกต์ใช้ในกิจกรรมการเรียนการสอน เช่น ทำสื่อต่างๆ คอมพิวเตอร์ช่วยสอน เป็นต้น
ข. ใช้ในงานบริหารของโรงเรียน เช่น การจัดทำประวัตินักเรียน ประวัติครูอาจารย์ เป็นต้น
ค. ใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ เช่นการค้นคว้าจากอินเทอร์เน็ต
ง. ถูกทุกข้อ

เฉลย 1.ค 2.ง 3.ค 4.ก 5.ค 6.ก 7.ค 8.ค 9.ง 10.ค
11.ก 12. ก 13.ข 14.ค 15.ง 16.ค 17.ก 18.ก 19.ค 20.ง
21.ง 22. ง 23.ข 24.ง 25.ข 26.ง 27.ก 28.ก 29.ค 30.ก
31.ค 32. ก 33.ง 34.ก 35.ข 36.ข 37.ค 38.ง 39.ค 40.ง

ประวัติ google

ช่วงปี 1995-1997 ปี แห่งการเริ่มต้น
เป็นช่วงปีซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของตำนาน Google เมื่อ 2 ผู้ร่วมก่อตั้ง Google ตั้งแต่แรกคือ 2 หนุ่มวัยรุ่น Larry Page และ Sergey Brin ทั้งคู่ได้รู้จักกันที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สาขา Computer science เมื่อปี 1995 ขณะนั้น Larry อายุ 24 ปี และ Sergey อายุ 23 ปี ด้วยบุคลิกที่กล้าคิดกล้าแสดงออกในบรรดาเรื่องต่าง ๆ ที่ตัวเองสนใจของทั้งคู่ ได้กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในเรื่องของการสร้างเทคโนโลยีระบบจักรกลที่สามารถดึงสืบค้นข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ ๆ ได้ ซึ่งยังเป็นหัวข้อที่สำคัญและสามารถพัฒนาต่อได้อีกมากมายในด้านเทคโนโลยีเกี่ยวกับการขนถ่ายข้อมูล
เดือนมกราคมปี 1996 Larry Page และ Sergey Brin ได้เริ่มค้นคว้าเทคโนโลยีจักรกลค้นหาหรือว่า search engines ที่สมัยนั้น ถูกเรียกว่า BackRub ซึ่งหมายถึงความสามารถอันพิเศษที่สามารถสามารถจะเข้าไปวิเคราะห์ “back links” ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์ต่าง ๆ ได้ โดยในช่วงแรก ๆ นั้น การทำงานของทั้งคู่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะยังขาดปัจจัยด้านทุนทรัพย์เหมือนกับเด็กนักศึกษาทั่วไป เมื่อเวลาผ่านไป ปรากฎว่าเทคโนโลยี BackRub กลับเริ่มมีชื่อเสียงและเป็นที่กล่าวขวัญตื่นตาตื่นใจไปทั่วมหาวิทยาลัยกับระบบจักรกลค้นหาที่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ในสมัยนั้น


ปี 1998 สัญญาณของความสำเร็จ
ทั้ง 2 หนุ่มได้พยายามสานต่อรากเหง้าของเทคโนโลยีที่ตนเองคิดค้นขึ้นมาให้เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง โดยใช้หกพักของ Larry มาเป็นห้อง Data center ห้องแล็บแรกของ Google ซึ่งในช่วงแรกทั้งคู่ก็ไม่ได้สนใจที่จะจัดตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อรองรับเทคโนโลยีนี้ออกไปสู่ท้องตลาด ขณะนั้นเว็บไซต์ของ Yahoo! เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ของพวกเขา แต่เหมือนฟ้าดลใจ เพราะตอนนั้น Yahoo! ไม่สนใจระบบ Search engine และมองว่ากลุ่มลูกค้าของยาฮูไม่จำเป็นต้องใช้จักรกลค้นหาแบบนี้ และแนะนำให้ Larry และ Sergey ตั้งบริษัทขึ้นมารองรับเองจะดีกว่า


ปี 1999 เงินทุนก้อนใหญ่มาแล้ว
วันที่ 7 มิถุนายน 1999 Google ก็ได้ประกาศว่าได้มีผู้ร่วมทุนขนาดใหญ่เข้ามาอีก 2 รายคือ Mike Moritz แห่งกลุ่มบริษัทเงินทุน Sequoia และ John Doerr ของบริษัท Kleiner Perkins มานั่งอยู่ในตำแหน่งคณะกรรมการบริหารของบริษัทพร้อมกับเม็ดเงินลงทุนเพิ่มเข้ามาอีกถึง 25 ล้านดอลลาร์ และโปรแกรม Search Engines ก็ได้ถูก AOL/Netscape นำไปใช้สำหรับเป็นเครื่องมือด้านในเว็บไซต์ ซึ่งมียอดใช้งานสูงถึง 3 ล้านครั้งต่อวันเลยทีเดียว


ปี 2000 ปีแห่งการสยายปีกของ Google
เป็นปีที่อาณาจักรของ Google เริ่มค้นคว้าเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาเสริมอย่าง Google Directory และบริการค้นหาข้อมูลผ่านอุปกรณ์เชื่อมต่อแบบไร้สาย รวมถึงความสามารถในการให้บริการภาษาต่าง ๆ สำหรับใช้ค้นหาลิงก์เว็บไซต์ได้ถึง 10 ภาษาทั่วโลก
วันที่ 26 เดือนมิถุนายน Google และ Yahoo! ได้ประกาศการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกันโดยทั้ง 2 บริษัทจะมีการและเปลี่ยนเทคโนโลยีซึ่งกันและกัน เพื่อรองรับบริการที่เข้ามาสูงถึง 18 ล้านครั้งต่อวัน และตอนนี้เว็บไซต์ NetEase ของประเทศจีน และ Biglobe ของญี่ปุ่น ต่างก็ใช้ระบบค้นหาของ Google เข้ามาใช้ในเว็บไซต์ของตนเป็นครั้งแรก


ปี 2001 การแตกไลน์ด้านการบริการครั้งสำคัญ
ในเดือนกุมภาพันธ์ Google ได้เริ่มรุกเข้าสู่ธุรกิจดอทคอมอย่างเป็นกิจจะลักษณะ เมื่อได้เข้าไปถือหุ้นซื้อบริษัท Deja.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ด้านระบบฐานข้อมูลอินเทอร์เน็ตขนาดใหญ่ โดยการนำระบบฐานข้อมูลเหล่านี้ให้กลายมาเป็นฟอร์แมตที่สามารถใช้ Search Engines เข้าไปค้นหาได้ ด้วยความสำเร็จที่ก้าวเข้ามาถึงจุดนี้ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปลายปี 2001 Google ก็เริ่มประกาศให้ชาวโลกได้ทราบว่าตอนนี้ธุรกิจออนไลน์ของตนกำลังทำรายได้และผลกำไรให้อย่างเป็นล่ำเป็นสันแล้ว
ชื่อเสียงของ Google เริ่มขจรขจายไปทั่วโลก เมื่อเดือนตุลาคม Google ได้ตกลงเซ็นสัญญาร่วมกับ Lycos Korea ในการนำจักรกลค้นหาของ Google ไปใช้บริการในด้านกลุ่มข่าวหรือว่า Usenet Archive ใน New Group สำหรับกลุ่มยูสเซอร์ที่อยู่ในฝั่งเอเชีย และ Google ก็สามารถรองรับภาษา ทั่วโลกได้ถึง 26 ภาษาแล้ว รวมถึงภาษาอาราบิกและภาษาตุรกี


ปี 2002 สานต่อเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ในระดับโมเลกุล
เดือนกุมภาพันธ์ 2002 Google ได้รับรางวัล “Search Engine Watch Awards” ซึ่งเป็นรางวัลที่ได้จากการลงความเห็นของเว็บมาสเตอร์จากทั่วโลกที่ให้คะแนน Google ในฐานะบริการยอดเยี่ยมด้านต่าง ๆ เช่น Best Image Search Engine, Best Design, Most Webmaster Friendly Search Engine และบริการ Best Search Feature


บริการต่างๆ ของ Google
หลังจากที่เราได้รู้จักกับttประวัติของ Google กันไปแล้ว ต่อไปนี้จะเป็นเรื่องราวของบริการต่าง ๆ ที่ตอนนี้ Google ได้เปิดให้บริการแบบออนไลน์อย่างมากมาย นอกเหนือไปจากระบบดัชนีค้นหาหรือว่า Search Engines ซึ่งเป็นธุรกิจแรกเริ่มเดิมทีของ Google